การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีต่อการขอตำแหน่งทางวิชาการบุคลากร กรณีศึกษาของ มหาวิทยาลัยของรัฐบาลแห่งหนึ่ง

an analysis of factors influencing academic position applications among university staff: a case study of a public university

66541207045-0

2568

อาจารย์วรรณพร  ทีเก่ง

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนตำแหน่งทาง
วิชาการของบุคลากรในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง 2) เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง
ปัจจัยด้านคุณลักษณะส่วนบุคคลกับความก้าวหน้าในสายอาชีพ และ 3) เพื่อพัฒนา
แบบจำลองเชิงพยากรณ์ที่สามารถประเมินความพร้อมของบุคลากรในการขอตำแหน่งทาง
วิชาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินการวิจัยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ โดยประยุกต์ใช้เทคนิคการทำเหมือง
ข้อมูล (data mining) ตามกระบวนการ crisp–dm ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนการทำความเข้าใจ
ข้อมูล การเตรียมข้อมูล การสร้างแบบจำลอง การประเมินผล และการนำเสนอผลลัพธ์ ข้อมูล
ที่ใช้มาจากฐานข้อมูลบุคลากรของมหาวิทยาลัยกรณีศึกษา โดยประมวลผลผ่านโปรแกรม
rapidminer ด้วยเทคนิคการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ (correlation analysis) การจัดกลุ่ม
(clustering) และการจำแนกประเภท (classification)
ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ
ได้แก่ จำนวนผลงานทางวิชาการที่เผยแพร่ในฐานข้อมูลสากล เช่น isi, scopus และ tci รวมถึง
จำนวนผลงานวิจัยในอดีตและตำแหน่งปัจจุบัน โดยโมเดลการจำแนกประเภทที่ให้ประสิทธิภาพ
สูงสุด คือ เทคนิคป่าสุ่ม (random forest) ซึ่งสร้างขึ้นหลังจากการปรับสมดุลข้อมูล (balancing
data) เพื่อแก้ปัญหาความไม่สมดุลของกลุ่มตัวอย่าง ทำให้สามารถจำแนกบุคลากรตามระดับ
ศักยภาพได้อย่างแม่นยำ ส่วนการจัดกลุ่มด้วยเทคนิค k-means แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง
ของลักษณะกลุ่มบุคลากรในแต่ละช่วงอายุงานและระดับผลงาน ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารสามารถ
กำหนดแนวทางการพัฒนาและการวางแผนส่งเสริมบุคลากรได้ตรงตามศักยภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะ ควรส่งเสริมให้บุคลากรเพิ่มจำนวนและคุณภาพของผลงานทางวิชาการ
โดยเฉพาะผลงานที่เผยแพร่ในฐานข้อมูลสากล และควรพัฒนาระบบแดชบอร์ดเชิงวิเคราะห์
เพื่อใช้ในการติดตามความก้าวหน้าและวางแผนการพัฒนาบุคลากรสายวิชาการในระยะยาว